ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
มีนาคม 29, 2024, 01:47:25 pm
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว:
วัดหนองโบสถ์ : วัดและสถานปฏิบัติธรรม กลางป่า ไม้ และพืชสมุนไพร บนเนื้อที่ ๗๐ ไร่ ต. สํานักท้อน อ. บ้านฉาง จ. ระยอง:
(โทร ติดต่อผู้ดูแลเวบไซค์ 081-9193302 | เจ้าอาวาส 086-3257975 เป็นเจ้าภาพทอดกฐินติดต่อ 086-3257975)
เชิญร่วมทอดกฐินสามัคคีสมทบทุนสร้างศาลาฯหอฉันท์ วัดหนองโบสถ์ บ้านฉาง จ.ระยอง
[ทำบุญหน้าต่าง 50 ช่อง ช่องละ 5,000 บ.] [ประตู 6 พับ 5 ช่อง ช่องละ 50,000 บ.] [เสาต้นละ 20,000 บ.]


ทำบุญได้ทุกวันที่วัดหนองโบสถ์... ฉันท์มือเดียว ประมาณ เก้าโมงเช้า , กฐินสามัคคีวัดหนองโบสถ์ 8 พ.ย.58 ,ทุกสิ้นปีมีสวดมนต์ข้ามปี

ไลน์ศิษย์วัดหนองโบสถ์

เพิ่มเพื่อน



+  วัดหนองโบสถ์ วัดและสถานปฏิบัติธรรม ต.สำนักท้อน บ้านฉาง จ.ระยอง
|-+  เกี่ยวกับวัดหนองโบสถ์
| |-+  ประวัติความเป็นมา และเป้าหมายในการจัดสร้างวัด การดำเนินการต่างๆ
| | |-+  ประวัติการสร้างวัดหนองโบสถ์ ต. สํานักท้อน อ. บ้านฉาง จ. ระยอง ๒๑๑๓๐
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติการสร้างวัดหนองโบสถ์ ต. สํานักท้อน อ. บ้านฉาง จ. ระยอง ๒๑๑๓๐  (อ่าน 7374 ครั้ง)
admin
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 127


อีเมล์
« เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 05:41:38 pm »

เมื่อกลางปี พ.ศ. ๒๕๓๘ พระครูสังวรญาณวงศ์ (อาจารย์พงศ์วุฒิ ญาณสํวโร) กับพระพงษ์สิทธิ์ได้ จาริกมาทางจังหวัด ระยอง และได้พบกับ คุณมัลลิกา ทับแสง ซึ่งมีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์ซื้อที่ดินในเขตต. สํานักท้อน อ. บ้านฉางถวายสงฆ์ ๑แปลงจํานวน ๑๐ไร่ (ที่ดินดังกล่าวคือบริเวณที่สร้างศาลาเอนกประสงค์) และ ได้นิมนต์พระครูสังวรญาณวงศ์ (อาจารย์พงศ์วุฒิ ญาณสํวโร) กับพระรูปนั้นจําพรรษาโดยมีกุฏิชั่วคราว๒หลังซึ่งใน ระยะแรกยังไม่ คิดที่จะสร้างเป็นวัดหลังจากออกพรรษาแล้วทั้ง ๒ รูป จีงได้จาริกท่องเที่ยวต่อไป จนใกล้จะเข้าพรรษาในปี ถัดมา (พ.ศ. ๒๕๓๙) พระครูสังวรญาณวงศ์ (อาจารย์พงศ์วุฒิ ญาณสํวโร) ก็ได้กลับมาจําพรรษา โปรดญาติโยมอีกครั้งพร้อมกับพระสุพจน์ หลังจากออกพรรษาแล้วทั้ง ๒ รูปก็ ออกจาริกต่อไปอีก ญาติโยมเห็นว่ามีพระภิกษุมาจําพรรษาในที่นี้๒ปีแล้ว แต่ยังไม่ มีกุฏิถาวรจึงได้รวบรวมจตุปัจจัย ช่วยกันสร้างกุฏิถาวรหลังเล็กๆขึ้นมา ๕หลัง และกุฏิรับรองอีก๑หลังซึ่งต่อมาได้ใช้ ใต้ถุนกุฏิ รับรองหลังนี้แทนศาลาเมื่อมีญาติโยมมาถวายอาหารและสงฆ์ได้สมมุติเป็นอุโบสถชั่วคราวสําหรับ พระภิกษุใช้ในการทําสังฆกรรมต่างๆเช่นการประชุมเพื่อฟังพระปาฏิโมกข์ในวันอุโบสถ
 
     ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ได้มีพระมาจําพรรษาถึง๘รูปด้วยกัน โดยมี หลวงพ่อสนั่น ปรกฺกโม มาจํา พรรษาด้วย เมื่อออกพรรษาแล้วจึงมีการทอดกฐินขึ้นเป็นปี แรกและหลังจากนั้นก็ได้มีญาติโยมมี ศรัทธามาทําบุญกันมากขึ้นจนที่ใต้ถุนกุฏิไม่เพียงพอที่จะรองรับประกอบกับมีโยมมาแจ้งความ ประสงค์จะถวายพระพุทธรูปแกะสลักจากหินแกรนิต (ซึ่งขณะนั้นอยู่ในระหว่างการแกะสลัก) หลวง พ่อสนั่นจึงแนะนําให้พระครูสังวรญาณวงศ์ (อาจารย์พงศ์วุฒิ ญาณสํวโร) สร้างศาลาเอนกประสงค์เพื่อเป็นที่รองรับญาติโยมและ ประดิษฐานพระพุทธรูปหินแกรนิตไว้ที่ศาลาหลังจากออกพรรษาแล้วก็ได้เริ่มก่อสร้างศาลาพร้อม ด้วยห้องนํ้ารวมอีก ๘ ห้องซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างปี กว่าจึงเสร็จสมบูรณ์
 
     นับแต่นั้นมาก็มีพระภิกษุมาจําพรรษาตลอดทุกปี เป็นที่รู้จักของญาติโยมมากขึ้นพระครูสังวรญาณวงศ์ (อาจารย์พงศ์วุฒิ ญาณสํวโร)จึงดําริว่าเนื้อที่ในขณะนั้นมีเพียง๑๐ไร่ ไม่เพียงพอที่จะสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะแก่การ ปฏิบัติธรรมและไม่เพียงพอกับจํานวนผู้ที่มาบําเพ็ญกุศล จึงได้ปรึกษากันว่าควรจะขยายที่ดินวัด ออกไปอีกซึ่งญาติโยมก็ได้เห็นดีด้วยและได้ช่วยกันสมทบทุนรวบรวมจตุปัจจัยซื้อที่ดินขยายออกไป จนกระทั่งมีเนื้อที่ประมาณ๖๐ไร่และได้เริ่มปลูกป่าซึ่งเป็นไม้สมุนไพรและไม้ป่าเบญจพรรณ
      ในขณะนั้น องค์การบริหารส่วนตําบลสํานักทอนและกํานันสินธ์ กีรตยาคมมีความเห็นร่วมกัน ว่าในท้องที่ควรมีวัดสําหรับเป็นที่ปฏิบัติธรรมสัก ๑ แห่ง เพราะในเขตอําเภอบ้านฉางมีประชากร เพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมากแต่มีวัดไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติศาสนกิจของประชาชนกํานันสินธ์ จึงได้เป็น ผู้ดําเนินการขออนุญาตสร้าง และตั้งวัดตามกฎหมายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ และได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็น วัดได้ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖มีชื่อว่า“วัดหนองโบสถ์” โดยคณะสงฆ์ จังหวัดระยองเห็นควรมอบหมาย ให้พระครูสังวรญาณวงศ์ (อาจารย์พงศ์วุฒิ ญาณสํวโร) ดํารงตําแหน่งเป็นเจ้าอาวาส
 
     ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ พระครูสังวรญาณวงศ์ (อาจารย์พงศ์วุฒิ ญาณสํวโร)  ได้เดินทางไปยังประเทศพม่าและมีโอกาสติดต่อ จัดสร้างพระพุทธรูปหินหยกขาวจากเมืองมัณฑะเลย์ เพื่อเป็นพระประธานในอุโบสถ ใช้เวลา ๒ ปีใน การดําเนินการซึ่งได้รับการถวายพระมงคลนามว่า“พระพุทธวิสุทธิมงคล”
      เนื่องจากเมื่อได้รับตราตั้งเป็นวัดแล้วจําเป็นต้องสร้างอุโบสถเพื่อขอพระราชทาน วิสุงคามสีมาให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ ตามกฎหมายประกอบกับศาลาที่ใช้อยู่เริ่มคับแคบไม่เพียงพอต่อ สาธุชนที่มาบําเพ็ญกุศลและไม่เหมาะที่จะให้อุบาสิกามาอยู่รักษาศีลอุโบสถึจงได้เริ่มต้นสร้าง อุโบสถในปี พ.ศ. ๒๕๔๙การสร้างอุโบสถครั้งนี้ได้ รวมเอาศาลาและอุโบสถ์เข้าด้วยกันอยู่ใน ลักษณะเป็นอุโบสถเอนกประสงค์เพราะใช้ทําสังฆกรรมประกอบศาสนกิจและบําเพ็ญบุญกุศลต่างๆ ตลอดจนเป็นที่พักของญาติโยมได้อีกด้วย
 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!